หมอนรองกระดูก เป็นส่วนสำคัญของการแพทย์ ในระหว่างการรักษา ไม่จำเป็นต้องกินยาหรือฉีดยา ใช้แค่เครื่องมือง่ายๆ ของหมอนวด และใช้เทคนิคต่างๆ กับบางส่วนของร่างกาย หรือจุดฝังเข็มตามเส้นทางเส้นเมอริเดียน และทิศทางการเคลื่อนที่ของเลือด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการรักษา
อย่างไรก็ตาม ห้ามนวดในระยะเฉียบพลัน มิฉะนั้นจะทำให้การอักเสบของรากประสาท เกิดอาการบวม และปวดรุนแรงขึ้น กระดูกคอเสื่อมจะมาพร้อมกับกระดูกหัก ความผิดปกติของโครงสร้างกระดูกและข้อ โรคข้อเข่าเสื่อม โรคกระดูกพรุนในวัยชราขั้นรุนแรง การนวดสามารถทำลายกระดูกและแพร่เชื้อได้ การบำบัดนี้ควรถูกห้าม
สำหรับผู้ป่วยที่มีอายุน้อยแล้วเริ่มมีอาการเป็นครั้งแรก โดยมีสาเหตุมาจากการยกของหนัก ก้มๆ เงยๆ บ่อย ส่วนใหญ่จะเป็นอาการของการอักเสบบริเวณกล้ามเนื้อหลังที่ไม่ร้ายแรงมากนัก แพทย์ก็จะทำการรักษาตามอาการของผู้ป่วย โดยการให้ทานยา หากพบว่าอาการยังคงอยู่ แพทย์จะนำผู้ป่วยเข้าตรวจ MRI หรือ CT Scan
วิธีการรักษาตัวเองด้วยกิจกรรมกลางแจ้ง สำหรับกระดูกอุ้งเชิงกรานปากมดลูก หลายคนที่มีการออกกำลังกายไม่เพียงพอ ซึ่งยังนำไปสู่ความฝืด และความเสื่อมทางร่างกาย โภชนาการของเนื้อเยื่อกระดูกอ่อนของร่างกายไม่ได้มาจากเลือด แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง ของความดันในการแลกเปลี่ยนสารอาหาร หากไม่มีกิจกรรมใดๆ กระดูกจะประสบภาวะทุพโภชนาการ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสื่อม
ในกรณีที่มีเพียงการกดทับกับเส้นประสาท โดยไม่กดทับไขสันหลัง ไม่ต้องทำการผ่าตัดก็ได้ แต่ถ้าหากมีการกดทับไขสันหลัง ควรที่จะทำการผ่าตัดตั้งแต่เริ่มมีอาภากรเพียงเล็กน้อยเพราะถ้าหากปล่อยไว้แล้วมารักษาทีหลังอาจทำให้เกิดการฟื้นตัวได้ยากกว่าปกติ
กิจกรรมกลางแจ้งที่เพิ่มขึ้น เป็นวิธีหนึ่งในการรักษากระดูกสันหลังส่วนคอ กีฬาที่อยากแนะนำคือ ว่ายน้ำ เล่นบอล ฝึกโยคะ วิธีป้องกันกระดูกคอเสื่อม ประการแรก งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า ความรู้สึกหดหู่ใจระยะยาวไม่ได้เปิดเผย เมื่อสิ่งต่างๆ เกิดขึ้น คนอารมณ์อ่อนไหว มีแนวโน้มที่จะเป็นโรค เนื่องจากโรคจะส่งผลต่อการพักของกระดูกข้อต่อและกล้ามเนื้อ อาการปวดคอและไหล่ในระยะยาวได้ง่าย ดังนั้นต้องรักษาอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ
ประการที่ 2 ในชีวิตประจำวัน ควรให้ความสนใจกับการรักษาท่าทางที่ถูกต้องของศีรษะและคอ อย่าหันศีรษะและยักไหล่ เมื่ออ่านหนังสือ หรือใช้งานคอมพิวเตอร์ ควรมองตรงและให้กระดูกสันหลังตรง เลือกหมอนที่ใช้สำหรับนอน ไม่ควรสูงหรือต่ำเกินไป โดยทั่วไปแล้วหมอนสูง 10 เซนติเมตร อย่านอนอ่านหนังสือหรือดูทีวี
ประการที่ 3 นั่งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในแต่ละวัน ควรออกกำลังกายให้มากขึ้น ควรให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายของกล้ามเนื้อคอและไหล่ เพื่อให้แข็งแรง เพราะสามารถบรรเทาความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อได้ เพราะเอื้อต่อความมั่นคงของกระดูกสันหลังส่วนคอ ช่วยเสริมความสามารถของคอและไหล่ ในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของคออย่างกะทันหัน การปีนเขาและว่ายน้ำ มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคกระดูกคอเสื่อม
อันตรายของกระดูกคอเสื่อม เนื่องจากโรคหลอดเลือดสมอง โดยตามสถิติที่ไม่สมบูรณ์ มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง มีกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อม เพราะหลายคนไม่ใส่ใจ ซึ่งมันเป็นเพียงหลังจากจังหวะที่กระดูกเชิงกรานของปากมดลูก ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทในสมอง
หากเกิดจากการกดทับ ของหลอดเลือดแดงกระดูกสันหลัง ผู้ป่วยจำนวนมากมักวินิจฉัยผิดพลาดว่า เป็นไมเกรนทางระบบประสาท เนื่องจากขาดความใส่ใจ ในสุขภาพของกระดูกสันหลังส่วนคอ ผู้ป่วยหนักที่ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องเป็นเวลานาน จะนำไปสู่ความแออัดของสมอง ทำให้เกิดอาการกะทันหัน หากเป็นลมในระหว่างการทำงาน มันจะส่งผลร้ายแรงมาก
ภาวะกล้ามเนื้อสมองขาดเลือด และการฝ่อของสมอง หากผู้ป่วยจำนวนมากที่เป็นโรคกระดูกสันหลังส่วนคอเกิดจากกล้ามเนื้อกระตุก ของหลอดเลือดแดงที่กระดูกสันหลัง เส้นเลือดอุดตัน และกล้ามเนื้อในสมองฝ่อ การฝ่อของสมอง และโรคอื่นๆ อาการอัมพาต หากผู้ป่วยจำนวนมากที่เป็นโรคกระดูกเชิงกรานที่ปากมดลูก มีความเข้าใจไม่เพียงพอ เกี่ยวกับโรคกระดูกสันหลังส่วนคอ และไม่สนใจอาการของโรค
เนื่องจากขาดการรักษาอย่างทันท่วงที การกระตุ้นและการกดทับของ”หมอนรองกระดูก” เส้นประสาทที่เกิดจากโรคกระดูกสันหลังส่วนคอ สามารถนำไปสู่อัมพาตแขนขาข้างเดียวหรือขนาดใหญ่ได้ง่าย อาจเกิดอาการหูอื้อบ่อยและหูหนวก ผู้ป่วยหลายรายที่เป็นโรคกระดูกสันหลังส่วนคอ ต้องทนทุกข์ทรมานจากการกดทับของกระดูกสันหลัง เพราะความเสียหายต่อปลายประสาทของกระดูกสันหลังส่วนคอ ซึ่งนำไปสู่ปริมาณเลือดไม่เพียงพอ ในที่สุดก็นำไปสู่หูอื้อบ่อยและหูหนวก
ในกรณีที่มีเพียงการกดทับกับเส้นประสาท โดยไม่กดทับไขสันหลัง ไม่ต้องทำการผ่าตัดก็ได้ แต่ถ้าหากมีการกดทับไขสันหลัง ควรที่จะทำการผ่าตัดตั้งแต่เริ่มมีอาภากรเพียงเล็กน้อยเพราะถ้าหากปล่อยไว้แล้วมารักษาทีหลังอาจทำให้เกิดการฟื้นตัวได้ยากกว่าปกติ
หลังจากทำการผ่าตัดอาการปวดก็จะหายไป แต่ควรทำการฟื้นฟูร่างกายตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณหลัง จะสามารถช่วยในเรื่องของการพยุงหลังได้ การปรับบุคลิกและท่าทางในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ไม่ควรนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ ลดการแบกสัมภาระหนักๆ เป็นต้น การสูบบุหรี่และลดน้ำหนักตัว ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ > หัวนมแตก ปัญหาของคุณแม่มือใหม่ที่พบ ควรป้องกันอย่างไร